Israel-Hamas War Press Release TH: November 24
  • ข่าวสารและกิจกรรม

ข่าวสารนิเทศ สงครามอิสราเอล-ฮามาส: 24 พ.ย. 66

  •   การเรียกร้องเพื่อคืนความยุติธรรมให้สตรีอิสราเอล เนื่องในวันยุติการใช้ความรุนแรงต่อสตรีสากล
  •  
     
    ​เวลาผ่านไปแล้วกว่า ๔๕ วันนับตั้งแต่การโจมตีอันน่าสยดสยองของผู้ก่อการร้ายฮามาสบนดินแดนอิสราเอลเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ อันนำมาซึ่งสงคราม “ดาบเหล็ก” การโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า ๑,๓๐๐ คน บาดเจ็บหลายพันคน และประชาชนจำนวน ๒๓๘ คนถูกจับไปยังฉนวนกาซาเพื่อเป็นตัวประกันและโล่มนุษย์ให้ผู้ก่อการร้ายฮามาสที่เหี้ยมโหด เหยื่อจำนวนมากโดยเฉพาะสตรีถูกทารุณก่อนถูกสังหาร ข่มขืนและล่วงละเมิด ปฏิกิริยาของโลกต่อการกระทำที่กล่าวมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากองค์กรระหว่างประเทศที่รับผิดชอบด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรี เช่น องค์การสหประชาชาติและองค์กรสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) กลับกลายเป็นการซ้ำเติม

    วันที่ ๒๕ พฤศจิกายนของทุกปี องค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็น วันยุติการใช้ความรุนแรงต่อสตรีสากล โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้ ขจัดความรุนแรง และการละเมิดทางเพศต่อเด็กหญิงและสตรีทั่วโลก

    แต่ทว่าสตรีและเด็กๆ ชาวอิสราเอลกำลังถูกละเลยโดยองค์กรระหว่างประเทศเหล่านี้ ซึ่งมีพันธสัญญาที่จะคุ้มครอง ปกป้อง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของสตรี เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์หลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมโดยกลุ่มผู้ก่อกานร้ายฮามาส เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม กว่าองค์กรสตรีแห่งสหประชาชาติจะออกแถลงการณ์โดยมีใจความว่า “องค์กรสตรีแห่งสหประชาชาติขอประณามการโจมตีต่อพลเรือนในอิสราเอลและในดินแดนปาเลสไตน์ภายใต้การยึดครอง ทั้งนี้องค์กรสตรีแห่งสหประชาชาติตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่งต่อผลกระทบร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับพลเรือน รวมถึงสตรีและเด็กผู้หญิง” เป็นที่น่าสังเกตว่า สิ่งที่ขาดหายไปจากคำแถลงนี้ คือการรับรู้ว่าสตรีและเด็กชาวอิสราเอลนั้นก็เป็นเหยื่อของเหตุการณ์นี้เช่นกัน ถ้อยแถลงที่ว่านี้มิได้กล่าวถึงเหยื่อพวกนี้เลย แต่กลับแสดงความห่วงใย เฉพาะเจาะจงไปยังสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาเท่านั้น

    ไม่เพียงแต่ถ้อยแถลงดังกล่าวจะยืนยันการสนับสนุนแต่เพียงสตรีชาวปาเลสไตน์เท่านั้น แต่เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ยังได้เผยแพร่การประเมินที่ครอบคลุมที่มากขึ้นแต่เน้นไปยัง “ผลกระทบร้ายแรงในฉนวนกาซาที่มีต่อสตรีและเด็กผู้หญิง” ทั้งนี้มิได้มีการกล่าวถึงอาชญากรรมทั้งหมดที่กระทำต่อสตรีชาวอิสราเอลเลย

    เป็นเรื่องที่ไม่อาจเข้าใจได้ว่า ทำไมหน่วยงานของสหประชาชาติที่ได้รับมอบหมายให้ส่งเสริมสิทธิสตรี จะมองข้ามชะตากรรมของเหยื่อและตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกกลุ่มผู้ก่อการ้ายฮามาสจับไป ทั้งยังไม่มีการเอ่ยถึงการเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจของผู้บริสุทธิ์หลายร้อยคน ที่รวมถึงเด็กและสตรี อันที่จริงแล้ว องค์การสหประชาชาติและหน่วยงานอื่นๆ ขององค์การสหประชาชาติ เช่น องค์กรสตรีแห่งสหประชาชาติ สมควรและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะปกป้องสิทธิของสตรีโดยไม่เลือกเชื้อชาติ สัญชาติ และภูมิหลัง 

    เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นางออร์นา ซากิฟ  กล่าวว่า “เราขอเรียกร้องอย่างเร่งด่วนต่อองค์การสหประชาชาติและหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ให้ประณามการโจมตีอันเหี้ยมโหดและป่าเถื่อนที่กลุ่มก่อการร้ายฮามาสกระทำต่อสตรีชาวอิสราเอล เราขอให้บรรดาหน่วยงานเหล่านี้หยุดเพิกเฉยต่อการข่มขืน การสังหารหมู่ และการจับตัวประกัน ที่เกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ ขอให้ดำเนินการในทันทีเพื่อปกป้องสิทธิด้านมนุษยธรรมโดยเฉพาะของสตรีและเด็ก รวมถึงใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่ เพื่อเปิดโปงและรับทราบถึงการกระทำซึ่งเกิดจากความเกลียดชังอันโหดเหี้ยมน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ต่อสตรีและเด็กผู้หญิง

    ขอเชิญชวนสตรีและบุรุษทั้งปวงให้มาร่วมรณรงค์กับเราในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ด้วยการโพสต์ทางโซเชียลมีเดีย โดยใช้แฮชแท็ก #BELIEVEISRAELIWOMEN และกระตุ้นให้ประชาคมโลกได้รับทราบถึงความโหดร้ายที่กลุ่มฮามาสได้กระทำ และประณามการใช้ความรุนแรงต่อสตรีโดยเจตนา!”