(เผยแพร่โดย กระทรวงการคลัง ประเทศอิสราเอล)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอิสราเอล ร่วมกับหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal, นิตยสารด้านเศรษฐกิจชั้นนำของสหรัฐฯ Barrons และรัฐมนตรีการทูตเพื่อสาธารณประเทศและเพื่อชาวยิวพลัดถิ่น (Ministry of Public Diplomacy and Diaspora Affairs)ได้จัดงานประชุมขึ้นที่เมืองนิวยอรค์เพื่อหารือประเด็นความสำคํยของประเทศอิสราเอลในโลก ในฐานะผู้นำทางการส่งออกเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และพลังกผู้ประกอบการ ผู้ร่วมการประชุมได้แก่ สื่อสารมวลชนจากหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal แขกผู้มีเกียรติและผู้ที่ติดตามเศรฐกิจ 

The Wall Street Journal คือหนังสือพิมพ์รายวันด้านเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐ มีจำนวนสมาชิกผู้รับหนังสือพิมพ์รายวันถึง 2 ล้านคน โดยผู้อ่านกว่าร้อยละ 80 เป็นนักลงทุนอเมริกัน และอีกร้อยละ 50 เป็นผู้บริหารระดับสูง หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal จึงมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างยิ่ง การร่วมงานกันครั้งนี้จึงถือเป็นการผสานกันระหว่างหน่วยงานจากภาคส่วนเดียวกัน

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2555 และได้มีคณะซึ่งนำโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอิสราเอล นายยูวาล สไตน์นิซ และนายโดรอน โคเฮน ผู้อำนวยการกระทรวงการคลังซึ่งทั้งสองจะได้กล่าวปาฐกถาและร่วมในการเสวนาระหว่างการประชุม - คลิ๊กเพื่อชมวีดีโอ

ภายในการประชุมยังมีบุคคลสำคัญในแวดวงเศรษฐศาสตร์ เจ้าหน้าที่จากบริษัทที่ทำการลงทุนในประเทศอิสราเอล เจ้าของหุ้นส่วน นักลงทุน และนักวิเคราะห์จากสถาบันวิเคราะห์การเงิน และนอกจากผู้พูดข้างต้นแล้วยังมีนายรูเพิร์ต เมอร์ด็อก ประธานและหัวหน้าฝ่ายบริหาร ของ News Corporation นายลูอิส บี เคเดน รองประธานบริษัทซิตี้กรุ๊ป นายชาย อากัซซี ผู้ก่อตั้ง Better Place และนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลแดเนียล คานส์แมนร่วมด้วย

การประชุมซึ่งได้รับการจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ และได้รับการคาดหวังว่าจะดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติในอิสราเอลเพิ่มขึ้นผ่านการนำเสนอคุณลักษณะของเศรษฐกิจในประเทศอิสราเอล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอิสราเอล นายยูวาล สไตน์นิซ :

"เพราะเหตุใดประเทศอิสราเอลถึงยังไม่ได้รับการพิจารณาเป็นแหล่งลงทุน?  เพราะ อิสราเอล เป็นประเทศขนาดเล็ก ซึ่งมีประชากรเพียง 8 ล้านคนเท่านั้น อีกสาเหตุหนึ่งคือปัจจัยทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่ก็ยังมีหลายบริษัทใหญ่ที่ได้เริ่มดำเนินการลงทุนในอิสราเอล เช่น Cisco, Google, Microsoft, Apple, IBM และ HP นอกจาก Google แล้วธุรกิจเหล่านี้ได้ลงทุนในอิสราเอลมานานหลายปี และกำลังตามมาโดย Apple และบริษัทสัญชาติจีน ที่จะก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นที่อิสราเอลเป็นแห่งแรกนอกสหรัฐอเมริกา 

• ข้อแรกคือ อิสราเอลมีทรัพยากรมนุษย์ระดับเยี่ยมยอด ที่ความสำคัญกับการคิดนอกกรอบ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อิสราเอลเป็นประเทศที่มีจำนวนธุรกิจเกิดใหม่ต่อจำนวนประชากรมากที่สุดของโลก

 

• การสนับจากรัฐบาล - ภาษีเงินได้นิติบุคคล (corporate taxes) สำหรับการส่งออกของหน่วยงานในเทล อาวีฟ คิดเป็นร้อยละ 12% และในขั้นเริ่มต้นอาจต่ำลงได้ถึงร้อยละ 5 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในยุคการค้าปัจจุบัน รัฐบาลได้พยายามตลอดมาในการมหาและมอบประโยชน์เพื่อกระตุ้นการส่งออก
  
• ระบบเศรษฐกิจของประเทศอิสราเอลนั้นรักษาดุลยภาพของเศรษฐศาสตร์มหภาคไว้ ซึ่งเป็นการกระจายโอกาสการลงทุนในประเทศให้เพิ่มขึ้น

ประเทศอิสราเอล เป็นที่รู้จักดีในการฟื้นคืนสภาพได้อย่างรวดเร็วคราวเกิดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ เช่น เมื่อปี พ.ศ. 2552 และหลังเกิดสงครามเลบานอนครั้งที่ 2 ปีพ.ศ. 2549 ในครั้งนั้นอัตราการว่างงานของประเทศนั้นสูงถึงร้อยละ 9.5 ในวันนี้อัตราดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 6.5 สวนทางกับการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในทวีปยุโรป"

นายรูเพิร์ต เมอร์ด็อก: "สิ่งที่ทำให้อิสราเอลแตกต่างจากประเทศอื่นๆ คือความคิดสร้างสรรค์ ประเทศอิสราเอลประสบความสำเร็จเพราะอิสราเอล เป็นหนึ่งในประเทศที่ระบบเศรษฐกิจนั้นหมุนเวียนรอบการใช้ความคิดของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้จุดประกายให้กับประเทศอื่นๆต่อไป และขอให้ทุกท่านจำไว้ ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอิสราเอล เกิดขึ้นถึงแม้จะมีภัยนับไม่ถ้วนอยู่รอบตัว